พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโกสินารายณ์


. . . . . . . . .พิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 19 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก่อสร้างขึ้นโดยเทศบาลเมืองท่าผา เปิดให้เข้าชมครั้งแรกปี 2557 สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ ห้องสมุดสำหรับผู้ต้องการศึกษา และแหล่งท่องเที่ยวสำหรับประชาชน ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองโกสินารายณ์ หรือในอดีตสันนิษฐานว่าเป็น ศมฺพูกกฏฏนมฺ หรือ ศัมพูกปัฏฏนะ เป็นเมืองในอดีต สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๘ นอกจากนี้ภายในยังจัดแสดงเกี่ยวกับอารยธรรมเขมรในลุ่มน้ำแม่กลอง และเหตุการณ์ที่สระโกสินารายณ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี วันพุธ – อาทิตย์ ระหว่างเวลา 10:00 – 16:00 น. หยุดทำการวันจันทร์ – อังคาร การเดินทาง : จากสี่แยกแสงชูโต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มุ่งหน้าไปทางจังหวัดกาญจนบุรีบนถนนแสงชูโต มาประมาณ 4 กม. เลี้ยวขวาตรงจุดกลับรถมุ่งหน้าไปโรงงาน SCG จากนั้นเมื่อข้ามสะพานคลองชลประทานให้ชิดซ้ายและเข้าซอยทางซ้ายมือข้างโรงงาน SCG ขับเลียบกำแพงมา เลี้ยวขวาตามทางโค้งจะเห็นซุ้มประตูทางเข้าสระโกสินารายณ์ ติดต่อสอบถามโทร. 032-302-117 ต่อ 334




. . . .สระโกสินารายณ์ เป็นโบราณสถาณอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแม่กลอง ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองโบราณสระโกสินารายณ์ ปรากฏหลักฐานว่าได้เริ่มมีมนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยแล้ว เมื่อประมาณ 3,000 ปี มาแล้ว เช่น บริเวณเขาสะพายแร้ง ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโบราณสระโกสินารายณ์ ไปทางทิศหนือประมาณ 10 กิโลเมตร พบหลักฐานคือ ขวานหิน ภาชนะดินเผา และกลองมโหระทึกเป็นต้น
♦ สระโกสินารายณ์ มีชื่อที่มาจากข้อสันนิษฐานต่างๆ บ้างกล่าวว่า “ในสระน้ำมีพระนาราย หรือ เป็นสระน้ำของพระนารายณ์”
บ้างก็กล่าวว่า “สระโกสินารายณ์น่าจะเป็นคำที่แผลงมาจากภาษาเขมร คือ บาราย ที่แปลว่าสระน้ำหรืออ่างเก็บน้ำ”
♦ หลักฐานที่กล่าวถึงเมืองโกสินารายณ์ที่เก่าแก่ที่สุด ปรากฏอยู่ในนิราศพระแท่นดงรัง ของเสมียนมี (หมื่นพรหมสมพัตร) กวีในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่งขึ้นในราว พ.ศ. 2379 (หมื่นพรหมสมพัตร.2504) ช่วงที่ท่านเดินทางผ่านเขตบ้านโป่งเข้าสู่พระแท่นดงรังบรรยายถึงอดีตของบ้านเมืองแถบนี้ว่าเดิมชื่อกรุงโกสินารายณ์ เป็นเมืองของพระยามลราช ดังต่อไปนี้
…โอ้พระแท่นแผ่นผาอยู่ป่าดอน
ชื่อกรุงโกสินารายณ์สบายนัก
ทั้งแก้วแหวนเงินทองก็นองเนือง
มีสวนแก้วอุทยานสำราญรื่น
ปลูกไม้รังตั้งแท่นแผ่นศิลา
ของพระยามลราชประสาทไว้
ที่สำคัญมั่นหมายหลายประการ
แต่บ้านเรือนสูญหายกลายเป็นป่า
พระอุทยานร้างราเป็นป่ารัง
แต่ปางก่อนที่นี่เป็นที่เมือง
เป็นเอกอัครออกชื่อย่อมลือเลื่อง
ไม่ฝืดเคืองสมบัติกษัตรา
ดูดาษดื่นดอกดวงพวงบุปผา
คือแผ่นผาอันนี้ท่านนิพพาน
ย่อมแจ้งใจทุกประเทศเขตต์สถาน
สมนิพพานเรื่องเทศน์สังเกตฟัง
พยัคฆาอาศัยดังใจหวัง
อนิจจังอนาถจิตต์อนิจจา

. . . .ศมฺพูกกฏฏนมฺ หรือ ศัมพูกปัฏฏนะ สันนิษฐานว่าคือ เมืองสระโกสินารายณ์ในปัจจุบัน คำว่า “ศามพูกะ” เป็นชื่อเมืองหนึ่งปรากฏอยู่ในจารึกฐานพระพุทธรูปยืน รูปกลีบบัว สมัยทราวดี พบที่วัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 ได้กล่าวว่า ” นายก อารุชวะ เป็นอธิบดีแห่งชาวเมืองตังคุระ และเป็นโอรสของพระราชาแห่งศามพูกะได้สร้างรูปพระมุณีองค์นี้
. . . .ในเวลานั้นนักวิชาการสันนิษฐานว่า เมืองศามพูกะ น่าจะเป็นบ้านเมืองที่อยู่ในเขตภาคกลางของประเทศไทย ในเวลาต่อมาชื่อเมืองนี้ในจารึกปราสาทพระขรรค์ ในจารึกกล่าวว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้สร้างรูปพระรัตนตรัยระบุชื่อเมืองว่า “ศมฺพูกกฏฏนมฺ” โดยจารึกปราสาทพระขรรค์มี 4 ด้าน ด้านละ 72 บรรทัด ข้อความในจารึกเป็นภาษาสันสกฤต แต่งเป็นโศลกมีข้อความกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัย สรรเสริญพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระราชประวัติกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่พระจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้าง ข้อความที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยคือ ในด้านที่ 3 ตอนที่กล่าวถึงการสร้างพระพุทธชัยมหานาถแล้วพระราชทานให้เมืองต่างๆ 23 แห่งในจำนวนนี้มีบางเมืองที่นักวิชาการบางส่วนสันนิษฐานว่าอยู่ในบริเวณลุ่มภาคกลางของประเทศไทย
ซึ่งชื่อเมืองต่างๆ ที่ปรากฏในจารึกนั้นมีข้อสันนิษฐานตามหลักฐานทางโบราณคดีที่ปรากฏดังนี้
- ลโวทยปุรํ สันนิษฐานว่าคือ เมืองลพบุรี
- สุวรรฺณปุรํ สันนิษฐานว่าคือ เมืองสุพรรณบุรี
- ศมฺพูกปฏฏนมฺ สันนิษฐานว่าคือ เมืองสระโกสินารายณ์
- ชยราชบุรี สันนิษฐานว่าคือ เมืองราชบุรี
- ศฺรีชยสีหปุรี สันนิษฐานว่าคือ เมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี
- ศฺรีชยวชฺรปุรี สันนิษฐานว่าคือ เมืองเพชรบุรี
(หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล, 2509-56)
ศมฺพูก อ่านว่า สัม-พู-กะ เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า หอยสังข์ มีความหมายเหมือนกับ กัมพู,กำพู และกำภู (ราชบัณทิตยสถาน, 2554)
. . . .ในการสัมภาษณ์ ดร.บำรุง ชำนาญเรือ (อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน สาชาวิชาการสอนภาษาไทย) ท่านได้กล่าวว่า ” ศมฺวูกปฏฏนมฺ มีความหมายเดียวกับคำ ศมฺพูกกฏฏนมฺ เพราะในภาษาสันสกฤต เสียง ว กับ พ ออกแทนกันได้” ปฏฏนมฺ อ่านว่า ปัด-ตะ-นัม บ้างก็ออกเสียงเป็น ปัด-ตะ-นะ แปลว่า แผ่นดิน หรือ ท่าเรือ





. . . .รายงานการสำรวจและขุดแต่งโบราณสถาน บริเวณสระโกสินารายณ์ (2509: 35-45) กล่าวว่าการขุดแต่งโบราณสถานบริเวณสระโกสินารายณ์ เริ่มจากหนังสือของผู้ว่าราชการจังหวัดลงวันที่ 1 ธันวาคม 2508 ว่าพบอิฐโบราณเป็นจำนวนมากบริเวณที่ดินของนายนคร ลิ้มประเสริฐศักดิ์ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของสระโกสินารายณ์ และมีผู้พบเศียรพระพุทธรูปและเทวรูป รวมถึงพระพิมพ์บริเวณรอบสระโกสินารายณ์ กรมศิลปากรจึงส่งนายมานิต วัลลิโภดม กับนายจำรัส เกียรติก้อง ไปสำรวจสภาพก่อนการขุดแต่งโบราณสถาน ต่อมาจึงมอบหมายให้นายตรี อมาตยกุล เป็นผู้ควบคุมและอำนวยการขุดแต่งและขุดค้น นายจำรัส เกียรติก้อง เป็นผู้ชวยทำแผนผัง นายหวัน แจ่มวิมล เป็นนายงาน นายสมชาย พุ่มสะอาด เป็นผู้จดรายการสิ่งของที่ขุดได้พร้อมถ่ายรูป และขอให้นายอำเภอบ้านโป่งช่วยจัดจ้างคนงานคนงานโดยคัดเลือกจ้างจากชาวบ้านที่ตำบลท่าผา จำนวน 20 คน การขุดแต่งเริ่มในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2509 โดยถางพงหญ้าเริ่มเตรียมพื้นที่สำหรับการขุดแต่ง เมื่อถางหญ้าออกเรียบร้อยแล้วทำให้เห็นสภาพเนินโบราณสถานเป็นรูปกากบาท คล้ายเป็นมุข 4 ทิศ ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2509 เริ่มขุดบริเวณระหว่างมุขด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกพบศิลาแลงที่สลายตัวผุพัง ไม่เป็นแท่ง ต่อมาได้ขุดตรวจบริเวณกลางเนิน ซึ่งเคยมีผู้ลักลอบขุดแล้ว เมื่อขุดลึก 6 เมตร พบกระโหลกศีรษะจระเข้และกระดองเต่า จากนั้นเมื่อขุดลึกลงไปอีกพบฐานเทวรูปทำจากหินทราย
. . . .นอกจากนั้นการขุดตรวจครั้งนี้พบหินทรายแดงไม่สลักลวดลายหลายแห่ง ขนาดยาวประมาณ 100 – 180 เซนติเมตร กว้าง 45 – 50 เซนติเมตร สันนิษฐานว่า เป็นกรอบประตูกลีบขนุน หินทรายแดง 1 ชิ้น สลักรูปพระพุทธประทับนั่งในซุ้มเรือนแก้ว ชิ้นส่วนพระกร 5 พระกร ทำจากินทรายแดง ถือดอกบัว คัมภีร์ ลูกประคำ เป็นต้น จึงสันนิษฐานว่าเป็นพระกรของพระโพธิสัตว์ พระบาทบนแท่นฐานทำจากหินปูนสีเขียว เศียรพระโพธิสัตว์หินทรายสีแดงลวยลายปูนปั้นรูปแบบศิลปะอิทธิพลเขมรจำนวนมาก และโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่สุดในการขุดแต่งในครั้งนี้คือ ส่วนพระวรกายของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ทำจากหินปูนสีเขียวมีความสูงประมาณ 1.15 เมตร พบบริเวณระหว่างมุมด้านตะวันออกและด้านใต้ จากนั้นได้ขุดเลาะชายเนินไปทางด้านทิศตะวันตกได้พบฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ทำจากหินทรายสีแดง 2 ชิ้น กว้าง 135 เซนติเมตร สูง 45 เซนติเมตร และกว้าง 60 เซนติเมตร สูง 35 เซนติเมตร
. . . .จากการสำรวจและทำแผนผังเมืองของนายตรี อมาตยกุล หัวหน้ากองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ และนายจำรัส เกียรติก้อง ช่างศิลปะเอกกองโบราณคดี ในปี พ.ศ. 2509 ทำให้ทราบว่าเมืองโบราณสระโกสินารายณ์ มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม กว้างยาวด้านละ 960 เมตร มีคูน้ำและคันดินโดยรอบ คูน้ำนั้นตื้นเขินหมดแล้ว ส่วนคันดินสูงจากระดับพื้นประมาณ 60 เซนติเมตร กว้างประมาณ 10 เมตร พบโบราณสถานก่อด้วยอิฐทั้งในเมืองและนอกเมืองหลายแห่งแต่ได้ถูกขุดทำลายลงเกือบทั้งหมดเหลือแต่เพียงฐานและเศษซากอิฐเป็นกองๆ ภายในกำแพงเมืองมีสระน้ำหลายสระ เช่น สระนาค สระจระเข้ สระจอก สระแก้ว และสระมังกร ส่วนสระนาคนั้นมีลำคลองเล็กๆ เชื่อมกับแม่น้ำแม่กลอง

. . . .พิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์ ก่อสร้างใช้งบประมาณโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดราชบุรี ประจำปีงบประมาณ 2555 ประสานงบประมาณในการก่อสร้างโดย คุณชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 จังหวัดราชบุรี โดยการก่อสร้างเฉพาะตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ และในปีงบประมาณ 2556 ได้รับการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีเร่งด่วนในการดำเนินการตามโครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโกสินารายณ์ โดยมีห้องจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่ค้นพบ ณ โบราณสถานสระโกสินารายณ์ ประสานงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าวโดย คุณทรงยศ อรัญยกานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าผาในปัจจุบัน โดยเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโกสินารายณ์ เมื่อ วันที่ 22 สิงหาคม 2557 สถิติปัจจุบัน ณ วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2559 มีประชาชนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโกสินารายณ์แล้วจำนวนทั้งสิ้น 48,590 คน






. . . .ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองโกสินารายณ์ และสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ของตำบลท่าผา แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 ส่วน ดังนี้
✿ ส่วนที่ 1 แรกรับวัฒนธรรมราว
. . . .3,000ปีมาแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองโกสินารายณ์ พบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ ต่อมาจึงพบหลักฐานแสดงถึงการติดต่อรับวัฒนธรรมจากภายนอกภูมิภาค
✿ ส่วนที่ 2 อารยธรรมเขมรในลุ่มน้ำแม่กลอง
. . . .อารยธรรมเขมร แผ่อิทธิพลครอบคลุมถึงบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแม่กลองทางภูมิภาควันตกของประเทศไทย
✿ ส่วนที่ 3 เมืองโกสินารายณ์
. . . .ชื่อเมืองศมวกปฏฏนม ปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์เมื่อราวแปดร้อยกว่าปีมาแล้วและที่ตั้งของเมืองยังคงเป็นปริศนา จนกระทั่งในพ.ศ.๒๕๐๙ การขุดค้นโบราณสถานจอมปราสาทกลางเมืองโกสินารายณ์ พบหลักฐานสำคัญหลายชิ้น อาทิเช่น กรอบประตูหินทรายสีแดงกลีบขนุนสลักรูปพระพุทธรูป เศียรพระโพธิสัตว์และส่วนพระวรกายพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี เป็นต้น แต่ยังมีข้อสันนิษฐานอีกหลายประการรอการปรากฎของหลักฐาน
✿ ส่วนที่ 4 โกสินารายณ์สมัยอยุธยาและสมัยมณฑลราชบุรี
. . . .ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยามีการเปลี่ยนที่ตั้งเมืองหลวงมาเป็นกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์นโยบายการปกครองและการย้ายเมืองท่า ส่งผลให้เมืองโกสินารายณ์ ที่ตั้งอยู่ด้านในของแม่น้ำแม่กลองหมดความสำคัญ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การแบ่งส่วนการปกครองเป็นมณฑลราชบุรีและการสร้างเส้นทางรถไฟส่งผลให้ความเจริญเริ่มกลับคืนสู่ตำบลท่าผาอีกครั้ง
✿ ส่วนที่ 5 สายน้ำแห่งศรัทธา
. . . .ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสระโกสินารายณ์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในปี พ.ศ. ๒๕๐๗-๒๕๐ ๘ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำรักษาโรค ตลอดจนความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพสิ่งที่สถิตอยู่ในสระโกสินารายณ์จนเกิดเป็นเรื่องเล่าตำนานต่างๆ บางตำนานปรากฎหลักฐานให้เห็นจนทุกวันนี้ เช่น เรื่องปลาตะเพียนยักษ์ เป็นต้น